อีก 3-5 ปี จะเกิดอะไรขึ้น?

อีก 3-5 ปี จะเกิดอะไรขึ้น?

เราไม่ต้องจำพาสเวิร์ด ยูสเซอร์เนมอีกต่อไป เพราะเราจะใช้ใบหน้าของเรา ลายนิ้วมือของเรา และเสียงของเราแทน

มือถือจะสร้างอาชีพอิสระแปลกใหม่มากมายบนดิจิตอลแพลตฟอร์มและโซเชียลมีเดีย โดยจะสร้างรายได้มหาศาล

คนจำนวนมากจะไม่นั่งทำงานที่ออฟฟิศ แต่จะทำงานที่ใดก็ได้ที่พวกเขาต้องการ และไม่มีตารางเวลาทำงานที่กำหนดตายตัว

คนทั่วไปอย่างเราจะใช้มือถือรายงานข่าวแทนนักข่าว เราจะสร้างสื่อ สร้างหนังได้ดีกว่าบริษัทสื่อและเอเจนซี่โฆษณาใหญ่ๆ ซึ่งบริษัทสื่อและเอเจนซี่แบบเดิมๆ จะจากเราไป

กล้องต่ออินเทอร์เน็ตจะเต็มไปหมดทุกที่และสามารถสแกนใบหน้าและรู้ว่าใครที่เดินผ่านมา ความเป็นส่วนตัวจะจากพวกเราไป

การใช้จ่ายเงินและกู้เงินง่ายมากเพียงใช้นิ้วสัมผัส ไม่ต้องไปตู้ ATM ไม่ต้องไปสาขาธนาคาร (เพราะมีน้อยมาก) ธนาคารเป็นแค่แอพพลิเคชั่นบนมือถือและโซเชียลมีเดียจะ (ค่อยๆ แอบ) เป็นธนาคาร

เครื่องแปลภาษาผ่านมือถือ เราพูดไทยออกเป็นอังกฤษ เขาพูดอังกฤษออกมาเป็นไทย ครูสอนภาษาคือมือถือ เราจะไม่มีปัญหาในการสื่อสารภาษาต่างประเทศ

ห้างสรรพสินค้าจะค่อยๆ กลายเป็นโชว์รูม เป็นสถานที่เรียน เป็นที่ทำงาน และเป็นที่บันเทิงพักผ่อนหย่อนใจ การซื้อขายสินค้า การขนส่งสินค้า จะง่ายดายด้วยปลายนิ้วสัมผัส

แคชเชียร์จะค่อยๆ หายไป เริ่มมีแคชเชียร์ที่เป็นคนกับเครื่องอัตโนมัติทำงานอยู่ใกล้ๆ กัน จนแคชเชียร์ที่เป็นคนค่อยๆ หายไป สุดท้ายโทรศัพท์มือถือจะกลายเป็นแคชเชียร์

การโฆษณาและการทำการตลาดเกือบทั้งหมดอยู่บนมือถือและบนโซเชียลมีเดียในรูปแบบวิดีโอสั้น และโฆษณาจะตรงความต้องการของแต่ละคนอย่างแม่นยำ บริษัทเอเจนซี่ด้านการตลาดจะค่อยๆ หายไป

การเรียนจะเปลี่ยนไปอย่างลึกซึ้งจนไม่รู้ตัว ด้วยการเรียนทีละนิดแต่ตลอดเวลาบนออนไลน์ด้วยมือถือในรูปแบบวิดีโอที่สื่อสารเข้าใจง่ายที่สุด โรงเรียนและมหาวิทยาลัยแบบดั้งเดิมจะเริ่มจากเราไป

ปริญญาจะมีความสำคัญน้อยลงเรื่อยๆ จนการทดสอบการเข้าทำงานกลายเป็นการแสดงถึงโครงการที่เคยทำ ทักษะที่มี การนำเสนอด้วยความคิดสร้างสรรค์ และความฉลาดทางอารมณ์
————————-
พันเอก ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
www.เศรษฐพงค์.com
27 ธ.ค. 2561

รูปภาพจาก http://somchaiblessings.blogspot.com/2017/03/thailand-40-4.html